เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

7 เคล็ด(ไม่)ลับ ประหยัดเงิน ประหยัดไฟ ช่วง Work From Home

เชื่อว่าช่วงนี้หลายคนต้อง Work From Home กันอยู่แน่ ๆ ซึ่งการทำงานที่บ้าน ช่วยประหยัดเงินค่าเดินทางได้ แต่แลกมากับ “ค่าไฟ” ที่พุ่งสูงจนน่าตกใจ เราจึงขอนำเคล็ด(ไม่)ลับประหยัดเงินค่าไฟ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้มาแชร์กัน

1. ตั้งเวลาเปิด – ปิดไว้ล่วงหน้า

● เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องปรับอากาศถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่กินไฟแบบสุด ๆ แต่คุณสามารถใช้แอร์ให้เซฟค่าไฟได้ด้วยการตั้งเวลาปิดแอร์ประมาณ 30 นาทีก่อนตื่นนอน ไอเย็นที่วนเวียนอยู่จะทำให้คุณยังคงหลับสบาย แม้จะปิดแอร์ไปแล้ว หากทำแบบนี้ทุกวัน รับรองว่าประหยัดเงินได้มากขึ้นแน่นอน ไม่เพียงแต่แอร์เท่านั้น แต่คุณยังสามารถตั้งเวลาเปิด - ปิดกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือเครื่องฟอกอากาศได้อีกด้วย

2. วางตำแหน่งเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม

● ตำแหน่งการวางเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถประหยัดไฟได้มากขึ้น เช่น ตู้เย็น ควรวางให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตรเพื่อให้สามารถระบายความร้อนได้ดี เพราะโดยปกติแล้ว ตู้เย็นมักได้รับความร้อนจากอุณหภูมิภายนอกซึ่งไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น ดังนั้น การวางตู้เย็นให้ห่างจากผนังเล็กน้อย สามารถช่วยประหยัดไฟได้
● การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรตั้งในที่ที่ไม่มีสิ่งกีดขวางทางลมเข้าออก เพื่อให้เครื่องปรับอากาศสามารถทำงานได้ดี และประหยัดไฟมากขึ้น โดยอาจเลือกติดตั้งในบริเวณพื้นที่โล่งที่มีแดดส่องน้อย และควรตั้งในบริเวณที่สามารถทำความสะอาดและซ่อมบำรุงได้สะดวก

3. ปรับแต่งการชาร์จสมาร์ทโฟน

● หลายคนชอบชาร์จสมาร์ทโฟนทิ้งไว้ตลอดคืน เพื่อที่เช้ามาจะได้พร้อมใช้งานเลย ทำแบบนี้เปลืองไฟมากกว่าเดิมจริงไหม? คำตอบคือ ไม่ได้เปลืองไฟแบบที่คิด เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ จะมี AI คอยช่วยจัดการการชาร์จไฟ รวมถึงการจัดการแบตเตอรี่ระหว่างวันเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันด้วย โดยคุณสามารถเลือกเปิดโหมดนี้ได้ด้วยการ เข้าไปที่ Settings > Battery and device care > Battery > More Battery Settings > Adaptive Battery

4. ทริคใช้แอร์ให้ประหยัด

● หากอยากประหยัดเงินค่าไฟ ควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25o หรือสูงกว่านั้น แต่ก็อาจสู้อากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทยไม่ไหว ดังนั้น หากต้องการความเย็นสบายราวกับเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 24o อาจต้องเปิดพัดลมช่วย ก็จะทำให้เย็นกายและประหยัดไฟได้มากขึ้น
● นอกจากนั้น อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญคือการหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่มีขดลวดความร้อน เช่น เตารีด ไดร์เป่าผม หรือไมโครเวฟในห้องแอร์ เพราะจะทำให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น แอร์จึงต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้ยิ่งเปลืองไฟ

ให้บ้านคุณเย็นอย่างมี
ประสิทธิภาพ
หากเซนเซอร์ตรวจจับว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากผ่านไป 20นาที* ระบบจะเปลี่ยนไปใช้โหมด
WindFreeTM โดยอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพลังงาน

● บางครั้งคุณอาจเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้ แต่ต้องออกไปนอกห้องสักพัก แม้ตัวจะไม่อยู่ในห้อง แต่เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานหนักเช่นเดิม แต่หากมีเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะจะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้ ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว หากไม่มีการเคลื่อนไหวในห้องหลังจากผ่านไป 20 นาที* จะปรับเป็นโหมด WindFreeTM ให้อัตโนมัติโดยโหมดนี้ใช้พลังงานน้อยกว่าโหมด Fast Cooling ถึง 77%**

*เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวจะเริ่มตรวจจับการไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ได้หลังจากผ่านไปอย่างน้อย 5 นาที และสูงสุดได้นานถึง 60 นาที
**ทดสอบกับรุ่น AR07T9170HA3 อิงตามการใช้พลังงานของโหมด Fast Cooling กับ WindFree™ Cooling

● และถ้าคุณต้องออกไปข้างนอกนานกว่าที่คิดไว้ตอนแรก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในหรือนอกบ้าน ก็สามารถปรับเครื่องปรับอากาศให้เปิด ปิด หรือปรับโหมดสุดประหยัดได้ดั่งใจผ่านแอป SmartThings ช่วยให้คุณคอนโทรลเครื่องปรับอากาศได้ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล

Family Hub
ผู้ช่วยประจำบ้าน เก็บรักษาอาหารให้สดใหม่
ดูช่องแช่ผ่านหน้าจอวางแผนได้ทุกมื้ออร่อย

5. จัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบ

● ช่วง Work From Home ยาว ๆ หลายคนอาจซื้อของกินมาตุนจนแน่นตู้เย็น แต่การทำแบบนี้จะทำให้ตู้เย็นยิ่งทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้นหากเราจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบ และนำของที่ไม่จำเป็นออกไปบ้างจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
● นอกจากนั้นการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบยังช่วยให้เราสามารถหยิบใช้ข้าวของได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้ไม่ต้องเปิด – ปิด ตู้เย็นบ่อย ๆ ให้ยิ่งเปลืองไฟ

6. เลือกเครื่องซักผ้าฝาหน้า ประหยัดน้ำและน้ำยาซักผ้าได้มากกว่า

● ซักผ้าครั้งนี้ควรใช้น้ำเท่าไหร่? และต้องใช้น้ำยากซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มเท่าไหร่ถึงจะพอดี ด้วยระบบ AI Wash ใช้เซนเซอร์ 4 แบบ จะวัดน้ำหนักของและคำนวณปริมาณน้ำยาที่ต้องใช้ซักให้เหมาะสม และยังมีเซนเซอร์วัดความขุ่นตรวจดูระดับสิ่งสกปรก เพื่อเพิ่มน้ำยาเมื่อจำเป็น ทำให้คุณประหยัดการใช้น้ำยาต่าง ๆ ได้มากขึ้น
● Super Speed ซักผ้าได้ในเวลาเพียง 39 นาที* QuickDrive™ ช่วยประหยัดเวลาในการซักผ้า

* อิงจากการใช้การตั้งค่า Super Speed พื้นฐานเพื่อซักผ้าขนาด 5 กิโลกรัม

7. หมั่นล้างแผ่นกรองของเครื่องใช้ไฟฟ้า

● บ้านไหนมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแผ่นกรองอย่างเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ อย่าลืมหมั่นเช็คความสะอาดของแผ่นกรองอยู่เสมอ หากสกปรกเมื่อไรก็ควรนำออกมาล้าง หรือเปลี่ยนแผ่นกรองทันที เพราะฝุ่นที่เกาะอยู่บนแผ่นกรองจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องทำงานหนักมากขึ้น ทั้งยังทำให้สุขภาพของผู้ใช้แย่ลงด้วย

แค่ลองทำตาม 7 เคล็ด(ไม่)ลับนี้ คุณก็ไม่ต้องรอลุ้นบิลค่าไฟปลายเดือนอีกต่อไป เพราะเรามั่นใจว่าคุณจะสามารถประหยัดเงิน ประหยัดไฟ และออมเงินได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

อ่านเรื่องราวเหล่านี้ในครั้งต่อไป